Experience V.S. Degree

  สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน ต้องขออภัยที่ขาดการอัพเดทมานานมาก  วันนี้จะขออนุญาติพูดเรื่องประสบการ์ณการทำงาน และปริญญาค่ะ จากการผ่านการใช้ชีวิตที่ลำบาก สารพัดปัญหาในฐานะออแพร์ ทำให้เรามีมุมมองเรื่องการทำงานที่เปลี่ยนไปค่ะ ตอนแรกก่อนที่เราจะมาอเมริกา เราตั้งใจเอาไว้ว่ายังไงเราก็ต้องเรียนจบโทให้ได้  อยากมีบริษัทเป็นของตัวเอง อยากเป็นเจ้านายคน แต่มาวันนี้ความคิดนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วค่ะ สิ่งที่ทำให้ความคิดของเราเปลี่ยนไปก็คือการได้เห็นการทำงานของโฮสแฟมิลี่ที่เราอาศัยอยุ่ด้วยค่ะ  ทั้งสองคนนั้นจบแค่ปริญญาตรีค่ะ (แต่เกียรตินิยมนะคะ) และทั้งคู่ก็มีบริษัทเป็นของตัวเองด้วยอายุเพียงแค่ 30&36 เท่านั้นเองค่ะ และเค้าทั้งสองคนก็ยังไม่คิดที่จะเรียนต่อโทในเวลาอันใกล้นี้ด้วยค่ะ  ในทางกลับกันถ้าเราลองเปรียบเทียบโฮส กับตัวเราแล้วช่างห่างไกลค่ะ เพราะหลังจากที่เราเรียนจบตรี (ขอคุยสักหน่อยว่าได้เกียรตินิยมเหมือนกัน) เราก็ยังไม่มีจุดหมายอะไรกับเค้าเลย แต่โฮสเราทำงานเก็บประสบการณ์อย่างเต็มที่ภายในเวลาแค่ 2 ปี และสามารถออกมาเปิดบริษัทของตัวเองได้สำเร็จ

  จากเรื่องนี้ทำให้เราคิดว่าปริญญาโท ไม่ได้ช่วยให้คนเราประสบความสำเร็จเสมอไปค่ะ ประสบการณ์นั้นสำคัญกว่ามากค่ะ  แต่เราเองก็ไม่ปฏิเสธนะคะว่าจบโทมาไม่ดี มันขึ้นอยู่กับว่าคุณได้อะไรบ้าง จากการเรียนปริญญาโทนั้นๆค่ะ  เพื่อนๆคงจะเคยได้ยินคนแนะนำว่าเราควรจะทำงานก่อนที่จะเรียนต่อโท เราเห็นด้วยกับคำพูดนี้เป็นอย่างมากค่ะ เพราะหลายคนไม่เคยสัมผัสชีวิตการทำงาน  ไม่เคยทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งมาพื้นฐานแตกต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าต้องพูด หรือทำตัวอย่างไร นี่เป็นปัญหาที่สำคัญมากค่ะ  บางคนจบโทมา มีความรู้มากมาย แต่กลับไม่มีคนจ้าง  ไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ หรือโดนเอารัดเอาเปรียบมากมายจากเพื่อนร่วมงาน นั้นเป็นเพราะอะไรกันคะ ชีวิตในที่ทำงานมันแตกต่างกับมหาลัยอย่างมากค่ะ ความรู้ที่เราเรียนมาบางครั้งไม่สามารถนำมาใช้ได้ในการทำงานจริง ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณต้องเรียนรู้ใหม่  และต้องเรียนรู้วิธีการทำงาน หรือร่วมงานกับคนบางประเภท เรียนรู้การใช้ชีวิตนั่นเองค่ะ

   เราไม่ได้ยับยั้งให้เพื่อนๆเรียนต่อโทนะคะ แค่อยากจะแชร์ประสบการณ์ตรงที่ได้รู้มาเท่านั้นเองค่ะ การเรียนต่อปริญญาโท คือการค้นหาคำตอบที่คุณสงสัย หรือเรียนรู้วิธีการที่จะทำให้คุณไปสุ่เป้าหมายได้สำเร็จค่ะ อย่าเรียนโทเพียงเพราะคุณไม่รุ้ว่าจะทำอะไร หรือเพราะยังไม่อยากทำงาน  คิดให้ดีๆค่ะ และชีวิตของคุณจะประสบความสำเร็จ

   ขอเล่าอีกนึดนะคะ ว่าการมีบริษัทเป็นของตัวเอง หรือการเป็นเจ้านายคน ไม่ใช่สิ่งหรูหรา ดูดี สบาย เลยแม้แต่น้อย จากตัวอย่างที่เราเห็นมาทุกวันนี้ หากคุณคิดจะมีบริษัทเป็นของตัวเอง คุณต้องทำงานหนักกว่าลูกน้องสองเท่า คุณมีเวลานอนน้อยกว่า 6 ชม.ต่อวัน คุณต้องเดินทางไปติดต่อบ่อยมาก (เมื่อก่อนเคยคิดว่าทำงานที่ได้เดินทางบ่อยๆนั้นสนุก ตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้วค่ะ จากประสบการณ์การติดตามไปกะโฮส) คุณแบกภาระเสี่ยงกับธุรกิจของคุณ สารพัดปัญหาค่ะ คุณจะมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร เพราะคุณต้องกังวลกับเรื่องงานเกือบจะตลอดเวลา 555  เป็นงัยคะ เพื่อนๆยังอยากมีบริษัทเป็นของตัวเองกันอยู่รึเปล่าคะ